flower

ลีลาวดี

ประวัติ
ลีลาวดี/ลั่นทม เป็นพืชที่มีถิ่นกำเนิดในทวีปอเมริกากลาง และอเมริกาใต้ สำรวจพบครั้งแรกโดย ชาลส์ ปลูมีเย (Charles Plumier) นักสำรวจพรรณไม้ และนักเขียนชาวฝรั่งเศส (ระหว่าง ค.ศ. 1646 – 1706) เมื่อครั้งเดินทางไปหมู่เกาะคาริบเบียน เพื่อหาพันธุ์ไม้แปลกใหม่ตามพระประสงค์ของพระเจ้าหลุยส์ที่ 14 แห่งฝรั่งเศส หลังจากนั้น นักพฤกษศาสตร์ชาวฝรั่งเศส ชื่อ โจเซฟ ปีตง เดอ ตูร์เนอฟอร์ (Joseph Pitton deTournefort) ได้ตั้งชื่อให้ว่า Plumieria เพื่อเป็นเกียรติแก่ชาลส์ ปลูมีเย แต่ภายหลังได้เพี้ยนเป็นชื่อสกุล Plumria สำหรับชื่อสามัญ คือ Frangipani, Plumeria, Temple Tree, Noegay, West Indian Jasmine, Pagoda Tree ในอินโดนีเซียเรียก Kembang หรือ Kemboja ออสเตรเลียรียก Dead Man’s finger

ลั่นทม ความเชื่อแต่เดิมเข้าใจผิดไป ด้วยเหตุที่ออกเสียงได้พ้องกับคำว่า ระทม ซึ่งแปลว่า โศกเศร้าเสียใจ แต่ในความเป็นจริงนั้นจะหมายความได้ว่า ละซึ่งความโศกเศร้าทั้งปวง ซึ่งเป็นความหมายที่ดีมาก แต่เมื่อมีผู้คนเริ่มนำมาปลูกในบ้านหรือในโรงแรม จึงได้เรียกชื่อดอกลั่นทมใหม่เป็น ลีลาวดี ซึ่งแปลว่า ต้นดอกไม้ที่มีท่วงท่าสวยงามอ่อนช้อย

คำว่า ลีลาวดี เป็นคำที่ได้มาจากลักษณะท่วงท่าที่สวยงาม และอ่อนช้อยของกิ่ง และลำต้น รวมถึงความสวยงามของดอกที่หลากสีสัน

เฟื่องฟ้า

ต้นเฟื่องฟ้า ถูกพบครั้งแรกในประเทศบราซิลโดยนักพฤกษศาสตร์ชาวฝรั่งเศส เมื่อประมาณปี ค.ศ. 1766-1769 และได้ถูกนำไปปลูกยังส่วนต่าง ๆ ของโลก เริ่มจากทางยุโรปอเมริกาเหนือและเอเชีย สำหรับในประเทศไทยได้มีการนำพันธุ์ของต้นเฟื่องฟ้าเข้ามาจากประเทศสิงคโปร์เป็นครั้งแรกเมื่อประมาณปี พ.ศ.2423 (รัชการที่ 5) และมีการนำเข้ามาจากต่างประเทศอีกมากมายจนถึงปัจจุบัน โดยสายพันธุ์ของต้นเฟื่องฟ้าในประเทศก็มีจำนวนไม่น้อยไปกว่าต่างประเทศ เนื่องมาจากต้นเฟื่องฟ้าเป็นไม้ที่เจริญเติบโตได้ดีในประเทศไทยแล้วยังเกิดการกลายพันธุ์เป็นสายพันธุ์ใหม่เกิดขึ้นอีกมากมาย

ลักษณะทั่วไป
                เฟื่องฟ้าเป็นพรรณไม้ยืนต้นขนาดกลางประเภทเถาเลื้อย ลำต้นมีความยาวประมาณ 1-10 เมตร มีลำเถาแข็งแรงเลื้อยไปได้ไกล ผิวลำต้นสีเท่าหรือสีน้ำตาลลำต้นมีหนามคมแหลมยาวประมาณ0.51เซนติเมตรติดอยู่เป็นระยะๆลักษณะของทรงพุ่มสามารถตัดแต่ง และบังคับทิศทางการเจริญเติบโตได้ใบเป็นใบเดี่ยวแตกตามเถาลักษณะรูปใข่ปลายใบแหลมโคนใบมนขอบใบเรียบพื้นใบเรียบสีเขียว ขนาดใบกว้าง 2 – 4 เซนติเมตร ยาวประมาณ 4-5 เซนติเมคร ดอกออกเป็นช่อตามส่วนยอด มีกลีบดอกหรือใบประดับ 3กลีบ ส่วนดอกจะมีดอกเล็กสีขาว กลีบดอกจะมีขนาดและสีสันแตกต่างกันตามชนิดพันธุ์

ประโยชน์ของเฟื่องฟ้า
    – ดอกนำมาสกัดเป็นสีย้อมผ้า และสีผสมอาหารได้
    – ดอกเฟื่องฟ้ารับประทานได้ โดยนำดอกเฟื่องฟ้ามาชุบแป้งทอด 
    – ใช้ปลูกเป็นไม้ประดับ ดอกสวยมีหลายสีจากหลากหลายสายพันธุ์ให้เลือก แต่ไม่ควรนำไปปลูกไว้ใกล้กับสนามเด็กเล่นเพราะมีหนามแหลม

ผักบุ้งหน้าฝน

ใส่ความเห็น

ออกแบบเว็บแบบนี้ด้วย WordPress.com
เริ่มต้น